วันจันทร์ที่ 22 ธันวาคม พ.ศ. 2557
On 19:21 by EForL No comments
มาลาล่า ยูซุฟไซ เป็นเด็กหญิงชาวปากีสถานที่ถูกยิงโดยกลุ่มตาลิบันจนได้รับบาดเจ็บสาหัส
และภายหลังได้รับการรักษาพยาบาลในประเทศอังกฤษจนดีขึ้น เธอได้ขึ้นกล่าวสุนทรพจน์ในที่ประชุมสหประชาชาติ
ณ กรุงนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา ในฐานะตัวแทนเรียกร้องให้เกิดความเสมอภาคด้านการศึกษาของเด็กๆ
ทั่วโลก
เธอกล่าวสุนทรพจน์ด้วยน้ำเสียงที่ทรงพลัง
แววตาที่มุ่งมั่นและเต็มเปี่ยมไปด้วยความหวัง มีข้อความบางตอนว่า
“
สำหรับพี่น้องทุกคน จำไว้หนึ่งอย่างว่า วันมาลาล่า ไม่ใช่วันของข้าพเจ้าแต่เป็นวันของเด็กผู้ชายและเด็กผู้หญิงทุกคนที่ส่งเสียงสู้เพื่อสิทธิของพวกเขาเอง”
การที่เธอกล่าวย้ำให้ทุกคนจำประโยชน์นี้
เพราะเธอไม่ต้องการให้ใครมาสนใจในตัวเธอว่าจะเป็นอย่างไรจะถูกยิงอีกสักสองสามนัดหรือว่าอย่างไรแต่สิ่งที่เธอต้องการให้ทุกคนสนใจคือสิทธิเสรีภาพของเด็กที่ควรจะได้รับ
ในปัจจุบันมีนักเคลื่อนไหวเพื่อสิทธิมนุษยชนและคนทำงานด้านสังคมหลายร้อยคน
ที่มิได้ลุกขึ้นสู้เพื่อสิทธิของตัวเองเท่านั้น
แต่ต่อสู้เพื่อบรรลุเป้าหมายของการสร้างสันติภาพ การศึกษา และความเท่าเทียมกันของมนุษย์แต่ไม่มีใครรู้จักสุดท้ายต้องจบชีวิตไปอย่างเงียบงัน
ในกรณีของมาลาล่าก็เช่นเดียวกันถึงแม้ว่าเธอจะมีความกล้าหาญและเข้มแข็งทางจิตใจมากเพียงใด
ถ้าเธอไม่รับการช่วยเหลือจากสหประชาชาติข้อเรียกร้องรวมทั้งร่างกายของเธอก็คงต้องเงียบหายไปเช่นกัน
การที่เธอได้ผ่านช่วงเวลาที่เลวร้ายที่สุดในชีวิตอย่างกล้าหาญทำให้เสียงของเธอกลับมาดังยิ่งขึ้น
แม้ในพื้นที่แถบอาเซียซึ่งไม่ค่อยสนใจเรื่องสิทธิเสรีภาพของพลเมืองเท่าไหร่ยังให้ความสนใจในข้อเรียกร้องของหญิงสาวที่ชื่อมาลาล่า
ในมหกรรมหนังสือระดับชาติครั้งที่ ๑๙ ที่จัดขึ้นเมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมาหนังสือ
“I AM MALALA” ที่ว่างชั้นเดียวกับหนังสือที่เขียนเกี่ยวกับการยึดอำนาจของรัฐบาลทหาร
ขายดีเป็นอำดับต้นของงานในครั้งนี้
ก่อนที่เธอจะลงจากเวทีกล่าวสุนทรพจน์ เธอได้ย้ำถึงจุดยื่นในการออกมาเรียกร้องในครั้งนี้ว่า
“การที่กลุ่มตาลิบันได้ยิงที่ศีรษะข้างซ้ายของเธอ
แล้วยังยิงเพื่อนของเธอด้วย พวกเขาคิดว่ากระสุนจะทำให้พวกเธอเงียบเสียงได้
แต่พวกเขาล้มเหลว และจากความเงียบงันนั้นยิ่งมีเสียงนับพันก่อเกิดขึ้น พวกผู้ก่อการร้ายคิดว่าจะทำให้เธอเปลี่ยนเป้าหมายและหยุดความตั้งใจ
แต่ไม่มีอะไรเปลี่ยนไปในชีวิตของเธอเลย ยกเว้นว่า ความอ่อนแอ ความกลัว และความสิ้นหวังได้ตายลงไป แต่ความเข้มแข็ง พลัง
และความกล้าหาญได้เกิดขึ้นมาใหม่และเพิ่มมากยิ่งกว่าเดิมด้วย
ข้าพเจ้าไม่รู้สึกเกลียดตาลีบันผู้ที่ยิงข้าพเจ้าเลยด้วยซ้ำ ถึงแม้หากข้าพเจ้ามีปืนอยู่ในมือ และเขายืนอยู่หน้าข้าพเจ้า
ข้าพเจ้าก็จะไม่ยิงเขา นี่คือจิตวิญญาณของข้าพเจ้าที่มีให้กับสันติและความรักต่อทุกคน
พี่ชายและพี่สาวทุกคน
เราต้องไม่ลืมว่าคนอีกหลายล้านคนกำลังทนทุกข์จากความยากจน
ความไม่เท่าเทียมกันและความไม่รู้
เราต้องไม่ลืมว่ามีเด็กหลายล้านคนที่ไม่ได้เรียนหนังสือ
เราต้องไม่ลืมว่ามีพี่สาวพี่ชายอีกมากที่กำลังรออนาคตที่สดใสและสันติ
ฉะนั้นขอให้เราร่วมกันต่อสู้กับการไม่รู้หนังสือ
ความยากจน และการก่อการร้าย ให้เราหยิบหนังสือ ปากกาของเราขึ้นมา มันเป็นอาวุธที่ทรงพลังที่สุด เด็กหนึ่งคน ครูหนึ่งคน
หนังสือหนึ่งเล่ม และปากกาหนึ่งด้ามสามารถเปลี่ยนโลกได้ การศึกษาเป็นวิธีแก้ปัญหาทางเดียว การศึกษาต้องมาก่อน ขอบคุณค่ะ…
อย่างไรก็ตาม คนทุกชาติ ทุกศาสนา ทุกเผ่าพันธุ์ต่างแสวงหาสันติภาพกันทั้งสิ้น
ถึงแม้ว่าข้อเรียกร้องของมาลาล่าจะเป็นจริงขึ้นมาได้ก็ใช่ว่าสันติภาพจะเกิดขึ้นมาในโลก
คนที่มีความรู้หนังสือมากมายใช้ความรู้ในการก่อสงคราม ใช้ความรู้ในการกดขี่ข่มเหงคนที่ด้อยกว่าหรืออื่นๆมากมาย
ที่เป็นอย่างนี้เพราะในตัวมนุษย์ยังมีอำนาจความอยากได้ อยากมี อยากเป็นสิงสถิตอยู่ในใจ
ถึงจะแก้อย่างไรถ้าแก้ไม่ถูกจุดสันติภาพที่แท้จริงก็ไม่มีทางที่จะเกิดขึ้นได้นี้คือความจริง
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
Search
สนับสนุนผู้เขียน
เสียงเพรียกแห่งธรรม
บทความยอดนิยม
บทความทั้งหมด
- สิงหาคม 2018 (1)
- สิงหาคม 2016 (1)
- กรกฎาคม 2016 (1)
- มิถุนายน 2016 (5)
- เมษายน 2016 (1)
- มีนาคม 2016 (3)
- มกราคม 2016 (1)
- พฤศจิกายน 2015 (3)
- ตุลาคม 2015 (2)
- สิงหาคม 2015 (1)
- กรกฎาคม 2015 (1)
- มิถุนายน 2015 (3)
- พฤษภาคม 2015 (1)
- เมษายน 2015 (1)
- มีนาคม 2015 (1)
- ธันวาคม 2014 (5)
- พฤศจิกายน 2014 (4)
- พฤศจิกายน 2009 (4)
- มิถุนายน 2009 (5)
- กุมภาพันธ์ 2009 (2)
- มกราคม 2009 (4)
- พฤศจิกายน 2008 (7)
- ตุลาคม 2008 (2)
- กรกฎาคม 2008 (1)
สถิติผู้เข้าชม
ชีวิตไม่ใช่ เครื่องจักรมันมีความซับซ้อนมีความสดใส ร่าเริงมองโลกในแบบต่างๆรักอิสระ รักพวกพ้อง และมีปัญหาหลากหลาย ต้องการใครสักคน มาให้คำตอบเพื่อเป็นแนวทาง ในการดำเนินชีวิต
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น