Google+ น้ำใจไมตรีสามารถเปลี่ยนวิกฤตให้เป็นโอกาส ~ Education For Life

ชีวิตไม่ใช่ เครื่องจักรมันมีความซับซ้อนมีความสดใส ร่าเริงมองโลกในแบบต่างๆรักอิสระ รักพวกพ้อง และมีปัญหาหลากหลาย ต้องการใครสักคน มาให้คำตอบเพื่อเป็นแนวทาง ในการดำเนินชีวิต

วันเสาร์ที่ 17 ตุลาคม พ.ศ. 2558

On 00:25 by EForL   No comments
นักธุรกิจไทยผู้หนึ่งได้เล่าถึงประสบการณ์เมื่อครั้งไปเรียนหนังสือในเมืองบอสตันว่า เธอเคยถูกคนผิวดำล็อกคอและเอามีดจี้ขณะรอสัญญาณไฟเขียวหน้ามหาวิทยาลัย เมื่อโจรพบว่า ในกระเป๋าของเธอมีเงินแค่ ๒๐ ดอลลาร์ ก็ไม่พอใจ เขาขุ่นเคืองหนักขึ้นเมื่อพบว่าเธอไม่มีแม้แต่นาฬิกา แหวน หรือกำไลข้อมือ เขาจึงถามเธอว่า
"เป็นคนเอเชียมาเรียนที่นี่ได้ต้องรวยไม่ใช่หรือ?"
เธอตอบว่า "สำหรับฉันน่ะไม่ใช่ เพราะได้ทุนมา"
แล้วชายผิวดำยังถามอีกว่า "เงิน ๒๐ ดอลลาร์ว่าจะเอาไปทำอะไร"
เธอตอบว่า "เอาไปซื้อไข่"
ชาวผิวดำ "เอาไข่ไปทำอะไร"
เธอตอบว่า "เอาไปต้มกิน เพื่อให้อยู่ได้ถึงอาทิตย์หน้า" เธอตอบตามความจริงเพราะตอนนั้นการเงินฝืดเคือง
ระหว่างที่โต้ตอบกันอยู่นั้น ยามหน้ามหาวิทยาลัยเห็นผิดสังเกต จึงทำทีจะเข้ามาช่วย เธอมองเห็นพอดีเลยโบกมือพร้อมกับบอกว่า "ไม่ต้องๆ เราเป็นเพื่อนกัน"
ชาวผิวดำได้ยินเช่นนั้นก็ถึงกับงง ถามว่า
"คุณรู้จักกับผมตั้งแต่เมื่อไหร่?"
"ก็เมื่อกี้ไง"
ชายผิวดำเปลี่ยนท่าทีไปทันที หลังจากสนทนาพักใหญ่ เขาไม่เพียงแต่จะคืนเงินให้เธอ หากยังพาเธอไปซื้อไข่และซื้ออาหาร ๓ ถุงใหญ่ พร้อมทั้งหิ้วมาส่งถึงหน้ามหาวิทยาลัย แล้วยังมอบเงินให้อีก ๕๐ ดอลลาร์

วันรุ่งขึ้นเธอนำเงิน ๕๐ ดอลลาร์นั้นไปซื้อเครื่องปรุงอาหารไทย แล้วไปเยี่ยมบ้านเขาเพื่อทำต้มยำกุ้งให้กินกันทั้งครอบครัว นับแต่นั้นทั้งสองฝ่ายก็ไปมาหาสู่กัน เธอเล่าว่าทุกวันนี้หากมีธุระไปบอสตันก็จะไปแวะเยี่ยมครอบครัวนี้ทุกครั้ง


น้ำใจไมตรีและความดีนั้นมีพลังที่สามารถเปลี่ยนร้ายให้กลายเป็นดี และเปลี่ยนภัยคุกคามให้เป็นสะพานสานแห่งมิตรภาพได้
พลังของน้ำใจไมตรีและความดีนั้นอยู่ที่การดึงเอาคุณธรรม และความเป็นมนุษย์ของอีกฝ่ายหนึ่งออกมา แม้จะซ่อนเร้นหรืออยู่ลึกเพียงใดก็ตาม

ในทางตรงกันข้ามการใช้พละกำลังและความรุนแรงมีแต่จะดึงเอาความโกรธเกลียด และคุณสมบัติทางลบของคู่กรณีออกมาปะทะกัน ผลก็คือความขัดแย้งลุกลามจนกลายเป็นความรุนแรง หรือทำให้ความรุนแรงไต่ระดับจนยากที่จะระงับได้

0 ความคิดเห็น: