วันอาทิตย์ที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557
On 19:36 by EForL No comments
FOMO โรคติดข่าวสาร
ในยุคปัจจุบันนี้ โซเซียลมีเดียกลายเป็นสิ่งจำเป็นในชีวิตประจำวันไปแล้ว เพราะทำให้เราสามารถติดต่อสื่อสารกันได้ง่าย สะดวก และกว้างขวาง
รวมทั้งเข้าถึงข้อมูลต่างๆ ได้ลึกและกว้าง
ซึ่งบางคนก็ติดต่อจนเรียกว่าเสพติดโซเซียลมีเดีย
จะกระวนกระวายใจถ้าไม่ได้เชคข้อมูล ไม่ได้อัพเดตเฟสบุคหรือทวิตเตอร์ของตนเอง
หนักกว่านั้น ก่อนนอนก็ต้องเชค ถ้าท่านใดเป็นอย่างนี้แสดงว่ากำลังเป็นโรค FOMO แล้ว
FOMO คือ ภาวะกลัวตกข่าว หรือ Fear Of Missing Out หรือชื่อย่อว่า FOMO ภาวะกลัวตกข่าวนี้มีมานานแล้วตั้งแต่สมัยที่ยังไม่มีโซเซียลมีเดีย
สมัยก่อนจะมีคนอยู่กลุ่มหนึ่ง คือมีงานไหนต้องงานนั้นตกข่าวไม่ได้เลย มีงานเลี้ยงที่ไหน มีอะไรที่ไหนก็จะต้องไปให้ได้ ทิ้งทุกอย่างเพื่อให้ได้ไป เพราะกลัวตกข่าว และกลัวว่าตัวเองจะถูกลืม เพราะฉะนั้นอาการนี้เป็นอาการที่มีมานานแล้ว
จากการศึกษาเมื่อไม่นานมานี้ มีรายงานที่น่าตกใจอยู่ชิ้นหนึ่ง เขาพบว่าในกลุ่มของคนใช้โซเซียลมีเดีย 56% มีอาการของการกลัวตกข่าวคือ ไม่อาจหยุดได้เลยที่จะไม่เช็คข่าว หรือการหยิบโทรศัพท์มือถือมาเช็คข้อมูลต่างๆ
ให้เราลองถามตัวเองดูว่าตอนตื่นเช้ามาสิ่งแรกที่เราเช็คในตอนเช้าคืออะไร ถ้าคำตอบคือสมาร์ทโฟน ลองถามกับตัวเองอีกว่าสิ่งสุดท้ายที่เราเช็คก่อนนอนคืออะไร ถ้าคำตอบก็ยังเป็นสมาร์ทโฟนอีกแสดงว่าเราเป็นโรค FOMO ไปแล้ว
แล้วอาการกลัวตกข่าวนี้มีผลต่อจิตใจหรือสุขภาพจิตเราหรือไม่
สิ่งเหล่านี้ส่งผลร้ายหรือผลเสียโดยที่เราแทบจะไม่รู้ตัว
แต่บังเอิญเป็นกันทั่ว ทั้งในกลุ่มเพื่อน ก็เลยดูเหมือนเป็นเรื่องปกติ
ความจริงแล้วความสัมพันธภาพที่ล้มเหลวเริ่มต้นจากการที่คนเราไม่ใส่ใจกัน
บางคนที่ถึงเวลาที่เขาต้องการการเอาใจใส่
ต้องการการสนใจสักนิดนึงว่าเกินอะไรขึ้นกับชีวิตเขา
แต่สิ่งแรกที่เราทำคือหยิบสมาร์ทโฟนขึ้นมาดู
อาการนี้เกิดขึ้นมากในกลุ่มวัยรุ่น แต่ก็ลามไปทุกเพศทุกวัยไม่จำกัด เพราะจากรายงานค้นพบว่าเมื่อ 2 ปีที่ผ่านมา ประมาณ 51% ของบุคคลทั่วไปมีการใช้โซเซียลมีเดีย ใช้สมาร์ทโฟนเชคข้อมูลข่าวสารมากขึ้นถึง 51%
เราจะมีวิธีเลิกติดโซเซียลมีเดีย
ลบอาการ FOMO ออกจากตัวได้อย่างไร
1. ให้คนที่ไว้ใจคอยเช็คโซเซียลมีเดีย เช่น เวลามีข่าวการนัดหมายอะไร
ก็ค่อยให้เพื่อนมาแจ้งเราอีกที
2. ยกเลิกอินเตอร์เน็ตบนมือถือ หรือใช้เฉพาะ wifi เท่านั้น
3. ให้ความสำคัญกับคนที่อยู่ใกล้ตัว เพราะคนใกล้ตัวเรามีความสำคัญต่อชีวิตเรามากกว่าสมาร์ทโฟน
4. ออกไปทำกิจกรรมกลางแจ้ง โดยปิดอุปกรณ์โซเซียลมีเดียทุกอย่าง
2. ยกเลิกอินเตอร์เน็ตบนมือถือ หรือใช้เฉพาะ wifi เท่านั้น
3. ให้ความสำคัญกับคนที่อยู่ใกล้ตัว เพราะคนใกล้ตัวเรามีความสำคัญต่อชีวิตเรามากกว่าสมาร์ทโฟน
4. ออกไปทำกิจกรรมกลางแจ้ง โดยปิดอุปกรณ์โซเซียลมีเดียทุกอย่าง
และสุดท้ายทุกอย่างก็ขึ้นอยู่กับตัวเรา สิ่งที่สำคัญในชีวิตยังมีอีกมากมายไม่ใช่เฉพาะข่าวสารเท่านั้นที่เราตกไปแล้วเราเห็นเป็นเรื่องสำคัญ สิ่งที่เราไม่ควรตกเลยคือ การทำบุญ ทำคุณความดีนั่นเอง
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
Search
สนับสนุนผู้เขียน
เสียงเพรียกแห่งธรรม
บทความยอดนิยม
บทความทั้งหมด
- สิงหาคม 2018 (1)
- สิงหาคม 2016 (1)
- กรกฎาคม 2016 (1)
- มิถุนายน 2016 (5)
- เมษายน 2016 (1)
- มีนาคม 2016 (3)
- มกราคม 2016 (1)
- พฤศจิกายน 2015 (3)
- ตุลาคม 2015 (2)
- สิงหาคม 2015 (1)
- กรกฎาคม 2015 (1)
- มิถุนายน 2015 (3)
- พฤษภาคม 2015 (1)
- เมษายน 2015 (1)
- มีนาคม 2015 (1)
- ธันวาคม 2014 (5)
- พฤศจิกายน 2014 (4)
- พฤศจิกายน 2009 (4)
- มิถุนายน 2009 (5)
- กุมภาพันธ์ 2009 (2)
- มกราคม 2009 (4)
- พฤศจิกายน 2008 (7)
- ตุลาคม 2008 (2)
- กรกฎาคม 2008 (1)
สถิติผู้เข้าชม
ชีวิตไม่ใช่ เครื่องจักรมันมีความซับซ้อนมีความสดใส ร่าเริงมองโลกในแบบต่างๆรักอิสระ รักพวกพ้อง และมีปัญหาหลากหลาย ต้องการใครสักคน มาให้คำตอบเพื่อเป็นแนวทาง ในการดำเนินชีวิต
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น