วันพุธที่ 15 มิถุนายน พ.ศ. 2559
คำทำนายซินแสจีนท่านหนึ่งกล่าวว่า
(ขอสงวนนาม)
ดวงนี้ ไม่มีใครทำอันตรายท่านได้..
พระธัมมชโย
เป็นพระปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ สัญลักษณ์ประจำตัวท่านคือพระอาทิตย์
ผู้เก่งกล้า
ชาญฉลาด มีคุณธรรมและเที่ยงตรง เก่งทางศิลปะหลายแขนงที่ไม่มีผู้เปรียบเทียบได้
มีโครงงาน
โครงการ ขยายงานตลอดชีวิต (ถ้าเทียบทางโลกคือ งานเลี้ยงไม่มีวันเลิกลา )
ปีนี้
2559 เป็นปีที่ดาวใหญ่(คือดาวปีกุน)คลุมตัวท่านมาแล้ว 5 ปีนี้.ปีนี้เป็นปีสุดท้าย
ดาวกุนเป็นธาตุน้ำ มาดับไฟ(คือตัวท่าน)
จึงเกิดการใส่ร้ายสาดโคลนมายังท่านซึ่งเกิดมา4 ปีแล้ว ปีนี้เป็นปีสุดท้าย
ดาวกุน
เป็นดาวธาตุน้ำก็จริง. แต่เหตุการณ์จะกลับตาลปัด
เพราะดาวกุนพอมาเข้าใกล้ดาวพระอาทิตย์ของท่าน เกิดชอบพอดาวพระอาทิตย์กลายเป็น
ดาวอุปถัมภ์ท่านทันที
(เหตุการณ์ที่ท่านถูกโจมตีนี้
ดูเหมือนจะแย่ ที่แท้สุดท้ายให้ผลดีมากๆ)
ประกอบกับปีนี้ตั้งแต่
4 กุมภา 2559 ดาวจรเป็นปีวอก. ข้างบนคือธาตุไฟพระอาทิตย์ ข้างล่างคือธาตุทอง.
มีผลกับตัวท่านคือธาตุไฟจะทำให้ปีนี้มีผู้ศรัทธาในตัวท่านมากเป็นประวัติการณ์. ชื่อเสียงจะมีผู้ประชาสัมพันธ์
คุณงามความดีของท่านให้ขจรกระจายไปทั่วโลก
ศัตรูจะแพ้ภัยตัวเอง
พอพ้นปีนี้
เข้าปีหน้า พ.ศ.2560-2564
เป็นปีที่มีดาวพระอาทิตย์คลอบคลุมตัวท่าน
5 ปีเต็ม.
แปลว่างานพุทธศาสนาของท่านจะแพร่ขยายไปทั่วโลก
ดึงไม่หยุดฉุดไม่อยู่ ผู้คนจากทุกมุมทุกประเทศของโลกจะหลั่งไหลเข้ามายังวัดพระธรรมกายจนตั้งรับไม่ทัน
มากขึ้นเรื่อยๆ
เรื่องเคยมีมาแล้ว
คดี
2 ตายายเก็บเห็ด!!
เริ่มต้น
ที่จนท.ป่าไม้!!โดยการนำของ นายอำเภอท้องที่!! ในฐานะหัวหน้าพนักงานสอบสวน!!
ได้นำเจ้าหน้าที่ป่าไม้และอาสาจำนวนมากนำกำลังเข้าตรวจสอบพื้นที่ป่าสงวนที่ถูกบุกรุก
และตัดไม้กว่า72ไร่ไม่พบตัวผู้กระทำผิด!!
แต่ไปพบรถจยย.ของตายายที่จอดเก็บเห็ดโดยจอดทิ้งไว้
จนท.ป่าไม้ได้ยกรถนำไปมอบ
ให้ตำรวจท้องที่(พงส) จากนั้นตำรวจก็ตรวจ สอบจากทะเบียนและเชิญตัว2ตายายมาสอบ
เครตดิตภาพจาก:www.manager.co.th
ในฐานะพยาน!!โดยขณะนั้นตายายก็ให้การสดๆ
ไม่มีทนายความ!โดยให้การว่าออกไปเก็บเห็ด
และหาของป่า
วันต่อมาตำรวจเรียก2ตายายมาแจ้งข้อหา!บุกรุกป่า
และตัดไม้72ไร่ โดยสองตายายให้การว่า
มาเก็บเห็ดและหาของป่าและให้การปฏิเสธในข้อหาดังกล่าว
ต่อมานายอำเภอ!!สรุปสำนวน!!มีความเห็น"สั่งฟ้อง"!!ให้ตำรวจส่งสำนวนใหักับอัยการ!!และต่อมาอัยการ!!ก็สรุปสำนวนมีความเห็น"สั่งฟ้อง"เช่นกัน
และส่งตัว2ตายายฟ้องศาลและในวันฟ้องนนั้นก็รับสารภาพโดยที่ไม่ทราบเนื้อหาในคำฟ้องใดๆและจากรับสารภาพศาล
ได้พิเคราะห์ตามคำฟ้อง ของโจทก์และคำขอท้าย ฟ้องศาลจึงมีคำพิพากษา
จำคุก30ปีแต่รับสารภาพ ลดโทษให้กึ่งนึงคงจำคุก 14
ปี12เดือนต่อมาอุทธรณ์ยืนและอยู่ระหว่างฎีกา
แม้ต่อมาสองตายายจะได้รับการช่วยเหลือจนไม่ต้องถูกจำคุกแต่
หัวใจบริสุทธิ์ของสองตายายได้ถูกทำลายไปเรียบร้อยแล้ว
เครตดิตภาพจาก:www.manager.co.th
ฉันใดก็ฉันนั้น
คดีความของพระธัมมโยก็เช่นเดียว
หลายคนอาจจะตั้งข้อสังเกตุว่า
"ถ้าไม่ผิดแล้วจะกลัวอะไร"
ถ้าลองเปิดใจแล้วตรองข้อมูลเหล่านี้ดูก็อาจถึงบางอ้อ
เจ้าหน้าที่รัฐตั้งของหาให้พระธัมชโยว่า
"ร่วมกันฟอกเงินและร่วมกันรับของโจร"
แค่ข้อหาก็ถือว่าแปลกมากแล้ว
1.
คำว่าฟอกเงิน คือ
การนำเงินที่ทำผิดกฎหมายเข้าสู่กระบวนการทำเงินให้สะอาดแล้วย้อนกลับไปหาเจ้าของทรัพย์
แต่กรณีของพระธัมชโยไม่เข้าเค้าเลย เพราะทางวัดก็นำหลักฐานเส้นทางการเงินมาแสดงแล้วปรากฎว่า นำไปสร้างศาสนสถานเพื่อใช้ประโยชน์ทางพระพุทธศาสนา (เรื่องนี้ปปง.ตรวจสอบได้)
2.
หลวงพ่อรับบริจาคอย่างเปิดเผยไม่มีเจตนาทำทุจริตเยี่ยงโจร
3.
เงินทุกบาทใช้เพื่อประโยชน์สาธารณะทั้งหมด
ไม่ได้ใช้เพื่อประโยชน์ส่วนตัวแม้แต่บาทเดียว ไม่เคยถอนเป็นเงินสดเลย
ปปง.ตรวจสอบเส้นทางการเงินหมดแล้วถูกต้องหมด
4.
เมื่อเกิดเหตุแล้วคณะศิษย์ตั้งกองทุนเยียวยาช่วยสมาชิกสหกรณ์เต็มจำนวน สหกรณ์ไม่ติดใจ
และขอบคุณวัดพระธรรมกาย แต่เจ้าหน้าที่กลับติดใจ
5.
การตั้งข้อหารับของโจร แล้วยกกำลังเป็นพันพร้อมรถหุ้มเกราะ เฮลิคอปเตอร์
บุกวัดในพระพุทธศาสนาเพื่อจับกุมพระชราและอาพาธ จากการกระทำเช่นนี้เองจึงทำให้เกิดข้อสงสัยว่า
เจ้าหน้าที่ตั้งใจทำคดีนี้เกินไปหรือเปล่า?
เจ้าหน้าที่ตั้งใจทำคดีนี้เกินไปหรือเปล่า?
6.
มีความพยายามออกข่าวสู่สาธารณะว่า เพื่อช่วยสหกรณ์ แต่ทั้งหมดที่เจ้าหน้าทีทำ
ไม่เกิดประโยชน์ใด ๆ ต่อสหกรณ์เลยแม้แต่น้อย
ความไม่ชอบมาพากลเหล่านี้เอง จึงทำให้ลูกศิษย์ต้องลูกขึ้นมาปกป้องพระธัมมชโย
ซึ่งสื่อก็พยายามจะประโค่มข่าวเหลือเกินว่า วัดต่อต้านอำนาจรัฐทั้งที่จริงแล้ว
ศิษย์แค่ต้องการความยุติธรรมที่แท้จริงจากเจ้าหน้าที่รัฐต่างหาก
วันอังคารที่ 14 มิถุนายน พ.ศ. 2559
On 03:49 by EForL No comments
ในสมัยพุทธกาล
มีนักรบคนหนึ่ง มีความเห็นผิดตามคำสอนของอาจารย์ว่า
"การฆ่าคนในสงคราม
ยิ่งฆ่าได้มากยิ่งจะได้ไปอยู่ในสวรรค์"
วันหนึ่งนายนักรบมืออาชีพคนนี้ได้มาพบพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
จึงทูลถามปัญหาเกี่ยวกับเรื่องการฆ่าคนแล้วได้ไปอยู่ในสวรรค์ว่าเป็นจริงอย่างที่อาจารย์ของตนกล่าวไว้ไหม
เมื่อพระพุทธองค์ได้ฟังคำถามดังนี้แล้ว
ก็ยังไม่ตอบ แม้ครั้งที่สอง ครั้งที่สามก็ยังไม่ตอบ
นายนักรบก็ไม่ละความพยายามที่จะถาม
พระพุทธองค์เมื่อไม่อาจห้ามความสงสัยของนายคนนี้ได้จึงตรัสตอบว่า
ดูก่อนท่าน..
นักรบคนใด
อุตสาหะพยายามในสงคราม โดยตั้งจิตตั้งใจไว้ว่า คนเหล่านี้จงถูกฆ่า จงถูกแทง
จงขาดสูญ จงพินาศ หรือว่าอย่าได้มีชีวิตอยู่อีกต่อไป ผู้นั้นเมื่อตายไป ย่อมเกิดในนรกชื่อสรชิต
เพราะเหตุแห่งความเห็นผิด
ดูก่อนท่าน
ก็เราย่อมกล่าวคติ ๒ อย่าง อย่างใดอย่างหนึ่ง คือ นรก หรือกำเนิดสัตว์เดียรัจฉานของบุคคลผู้มีความเห็นผิดเช่นนี้
เมื่อพระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสอย่างนี้แล้ว
นายนักรบมืออาชีพร้องไห้สะอื้น น้ำตาไหล
พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า...
เราได้ห้ามท่านแล้วมิใช่หรือว่า
อย่าเลยของดข้อนี้เสียเถิด อย่า
ถามเราถึงข้อนี้เลย
เขาทูลว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ข้าพระองค์ไม่ได้
ร้องไห้ถึงข้อที่พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสอย่างนี้
กะข้าพระองค์หรอก แต่ว่า
ข้าพระองค์ถูกนักรบอาชีพทั้งอาจารย์และปาจารย์ก่อน
ๆ ล่อลวงให้หลงสิ้น
กาลนานว่า
นักรบอาชีพคนใดอุตสาหะพยายามในสงครามเมื่อตายจะได้ไปอยู่ในสวรรค์
ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ
พระธรรมเทศนาของพระองค์แจ่มแจ้งนัก ดุจหงายของที่คว่ำ เปิดของที่ปิด บอกทางให้แก่คนหลงทาง
หรือส่องไฟในที่มืดด้วยหวังว่า คนมีจักษุจักได้เห็นรูป ฉะนั้น
ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ
ข้าพระองค์ขอถึงพระผู้มีพระภาคเจ้า กับทั้ง
พระธรรมและพระภิกษุสงฆ์ว่าเป็นสรณะ
ขอพระผู้มีพระภาคเจ้าโปรดทรงจำ
ข้าพระองค์ว่าเป็นอุบาสกผู้ถึงพระรัตนตรัยเป็นสรณะจนตลอดชีวิต
ตั้งแต่
วันนี้เป็นต้นไป.
อ้างอิงจากพระไตรปิฎก ฉบับมหามกุฏ เล่ม29 หน้า184
วันจันทร์ที่ 13 มิถุนายน พ.ศ. 2559
ในกรุงสาวัตถี มีเศรษฐีผู้หนึ่งชื่ออานนท์ แม้ว่าอานนทเศรษฐีผู้นี้จะมีทรัพย์มากถึง
80 โกฏิ แต่เขามีความตระหนี่ไม่เคยบริจาคสิ่งใดให้แก่ใครเลย
ท่านเศรษฐีได้แต่สอนบุตรของตน ผู้ชื่อว่ามูลสิริเนืองๆว่า “เจ้าอย่าได้สำคัญว่า
ทรัพย์ 80 โกฏินี้มาก อย่าได้ให้ทรัพย์ที่มีอยู่นี้ แต่ควรสร้างทรัพย์ใหม่ให้เกิดขึ้น
มิฉะนั้นแล้วทรัพย์ของเจ้าก็จะหมดสิ้นไป” ท่านเศรษฐีได้นำทรัพย์ไปฝังไว้
5 แห่งในบริเวณบ้าน แต่ไม่ยอมบอกที่ฝังของขุมทรัพย์นั้นแก่บุตรของตน
ต่อมหาเศรษฐีก็ได้เสียชีวิตลง
อานนทเศรษฐีเมื่อเสียชีวิตแล้ว ก็ได้ไปถือกำเนิดในครรภ์ของหญิงจัณฑาลผู้หนึ่งในหมู่บ้านของคนจัณฑาล ไม่ไกลจากกรุงสาวัตถี นับตั้งแต่มีทารกมาถือกำเนิดในครรภ์ คนในหมู่บ้านนั้นก็มีรายได้ลดลง พวกคนจัณฑาลนั้นคิดว่า จะต้องมีคนกาลกัณณีอยู่ในหมู่ของพวกตนแน่ๆ จึงแบ่งคนจัณฑาลออกเป็น 2 กลุ่มเพื่อกำจัดคนกาลัณณีนั้นออกไปตามกระบวนการเฟ้นหาคนกาลกัณณี ในที่สุดก็ได้บทสรุปว่า หญิงที่ตั้งครรภ์นั้นจะต้องเป็นคนกาลกัณณี นางจึงถูกขับไล่ออกไปจากหมู่บ้านนั้น เมื่อบุตรของนางคลอดออกมา ก็เป็นทารกที่มีหน้าตาน่าเกลียดและเป็นคนกาลกัณณีจริงๆ วันใดนางไปขอทานคนเดียว วันนั้นนางก็จะได้สิ่งของ แต่ถ้าวันใดนางนำบุตรไปขอทานด้วย วันนั้นนางก็จะไม่ได้อะไร ดังนั้นเมื่อบุตรเติบโตพอที่จะขอทานโดยลำพังได้ นางจึงนำภาชนะใส่มือบุตรแล้วบอกให้ไปขอทานตามลำพัง ทารกอดีตอานนทเศรษฐีก็เดินขอทานผ่านไปทางบ้านเดิมของตน เกิดระลึกชาติของตนได้ จึงเดินเข้าไปในบ้านหลังนั้น เมื่อพวกลูกๆของมูลสิริเศรษฐีเห็นทารกจัณฑาลเดินเข้าไปในบ้านก็ตื่นตระหนกตกใจร้องไห้กันโกลาหล พวกคนใช้ได้เข้าทุบตีทารกอดีตอานนทเศรษฐี แล้วนำออกไปโยนไว้ที่กองขยะนอกบ้าน
ขณะนั้น พระศาสดามีพระอานนท์เป็นผู้ติดตาม เสด็จบิณฑบาตผ่านมาถึงที่ตรงนั้นพอดี ได้ตรัสบอกพระอานนท์ให้ไปตามมูลสิริเศรษฐีออกมาเฝ้า เมื่อมูลสิริเศรษฐีออกมาเฝ้าแล้ว พระศาสดาได้ตรัสว่า ทารกจัณฑาลผู้นี้คืออดีตบิดาของมูลสิริเศรษฐีในอดีตชาติ แต่มูลสิริเศรษฐีไม่เชื่อ พระศาสดาจึงทรงทำการพิสูจน์โดยตรัสบอกให้ทารกจัณฑาลนั้นบอกขุมทรัพย์ 5 แห่งที่ถูกฝังเอาไว้เหล่านั้น พอทารกจัณฑาลบอกได้ถูกต้อง มูลสิริเศรษฐีจึงยอมรับความจริงและได้มายอมรับนับถือพระศาสดา ประกาศตนเป็นอุบาสกในพระพุทธศาสนา
อานนทเศรษฐีเมื่อเสียชีวิตแล้ว ก็ได้ไปถือกำเนิดในครรภ์ของหญิงจัณฑาลผู้หนึ่งในหมู่บ้านของคนจัณฑาล ไม่ไกลจากกรุงสาวัตถี นับตั้งแต่มีทารกมาถือกำเนิดในครรภ์ คนในหมู่บ้านนั้นก็มีรายได้ลดลง พวกคนจัณฑาลนั้นคิดว่า จะต้องมีคนกาลกัณณีอยู่ในหมู่ของพวกตนแน่ๆ จึงแบ่งคนจัณฑาลออกเป็น 2 กลุ่มเพื่อกำจัดคนกาลัณณีนั้นออกไปตามกระบวนการเฟ้นหาคนกาลกัณณี ในที่สุดก็ได้บทสรุปว่า หญิงที่ตั้งครรภ์นั้นจะต้องเป็นคนกาลกัณณี นางจึงถูกขับไล่ออกไปจากหมู่บ้านนั้น เมื่อบุตรของนางคลอดออกมา ก็เป็นทารกที่มีหน้าตาน่าเกลียดและเป็นคนกาลกัณณีจริงๆ วันใดนางไปขอทานคนเดียว วันนั้นนางก็จะได้สิ่งของ แต่ถ้าวันใดนางนำบุตรไปขอทานด้วย วันนั้นนางก็จะไม่ได้อะไร ดังนั้นเมื่อบุตรเติบโตพอที่จะขอทานโดยลำพังได้ นางจึงนำภาชนะใส่มือบุตรแล้วบอกให้ไปขอทานตามลำพัง ทารกอดีตอานนทเศรษฐีก็เดินขอทานผ่านไปทางบ้านเดิมของตน เกิดระลึกชาติของตนได้ จึงเดินเข้าไปในบ้านหลังนั้น เมื่อพวกลูกๆของมูลสิริเศรษฐีเห็นทารกจัณฑาลเดินเข้าไปในบ้านก็ตื่นตระหนกตกใจร้องไห้กันโกลาหล พวกคนใช้ได้เข้าทุบตีทารกอดีตอานนทเศรษฐี แล้วนำออกไปโยนไว้ที่กองขยะนอกบ้าน
ขณะนั้น พระศาสดามีพระอานนท์เป็นผู้ติดตาม เสด็จบิณฑบาตผ่านมาถึงที่ตรงนั้นพอดี ได้ตรัสบอกพระอานนท์ให้ไปตามมูลสิริเศรษฐีออกมาเฝ้า เมื่อมูลสิริเศรษฐีออกมาเฝ้าแล้ว พระศาสดาได้ตรัสว่า ทารกจัณฑาลผู้นี้คืออดีตบิดาของมูลสิริเศรษฐีในอดีตชาติ แต่มูลสิริเศรษฐีไม่เชื่อ พระศาสดาจึงทรงทำการพิสูจน์โดยตรัสบอกให้ทารกจัณฑาลนั้นบอกขุมทรัพย์ 5 แห่งที่ถูกฝังเอาไว้เหล่านั้น พอทารกจัณฑาลบอกได้ถูกต้อง มูลสิริเศรษฐีจึงยอมรับความจริงและได้มายอมรับนับถือพระศาสดา ประกาศตนเป็นอุบาสกในพระพุทธศาสนา
วันเสาร์ที่ 11 มิถุนายน พ.ศ. 2559
1. คลิก Start -> ที่ช่อง Search programs and files พิมพ์ CMD แล้วกดปุ่ม ctrl+Shift + Enter เพื่อเรียกใช้งาน Command Prompt ในโหมด Administrator
2. พิมพ์คำสั่ง powercfg.exe -h off เพื่อปิด หรือ powercfg.exe -h on เพื่อเปิด แล้วกด Enter
3. พิมพ์คำสั่ง exit เพื่อออกจากหน้าต่าง Command Prompt แล้วรีสตาร์ทเครื่องใหม่
2. พิมพ์คำสั่ง powercfg.exe -h off เพื่อปิด หรือ powercfg.exe -h on เพื่อเปิด แล้วกด Enter
3. พิมพ์คำสั่ง exit เพื่อออกจากหน้าต่าง Command Prompt แล้วรีสตาร์ทเครื่องใหม่
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)
Search
สนับสนุนผู้เขียน
เสียงเพรียกแห่งธรรม
บทความยอดนิยม
บทความทั้งหมด
- สิงหาคม 2018 (1)
- สิงหาคม 2016 (1)
- กรกฎาคม 2016 (1)
- มิถุนายน 2016 (5)
- เมษายน 2016 (1)
- มีนาคม 2016 (3)
- มกราคม 2016 (1)
- พฤศจิกายน 2015 (3)
- ตุลาคม 2015 (2)
- สิงหาคม 2015 (1)
- กรกฎาคม 2015 (1)
- มิถุนายน 2015 (3)
- พฤษภาคม 2015 (1)
- เมษายน 2015 (1)
- มีนาคม 2015 (1)
- ธันวาคม 2014 (5)
- พฤศจิกายน 2014 (4)
- พฤศจิกายน 2009 (4)
- มิถุนายน 2009 (5)
- กุมภาพันธ์ 2009 (2)
- มกราคม 2009 (4)
- พฤศจิกายน 2008 (7)
- ตุลาคม 2008 (2)
- กรกฎาคม 2008 (1)
สถิติผู้เข้าชม
ชีวิตไม่ใช่ เครื่องจักรมันมีความซับซ้อนมีความสดใส ร่าเริงมองโลกในแบบต่างๆรักอิสระ รักพวกพ้อง และมีปัญหาหลากหลาย ต้องการใครสักคน มาให้คำตอบเพื่อเป็นแนวทาง ในการดำเนินชีวิต